ถนนของใคร ?

ถนนของใคร ?

เมื่อปี พ.ศ. 2559 องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดตาก ได้ทำแผนโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 221 เมตร ในซอยตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งหลังเก่าซึ่งแต่เดิมเป็นทางเอกชนเชื่อมกับทางสาธารณะ โดยถนนสายนี้มีประชาชนใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรมาเป็นเวลานานเกินกว่า 10 ปี  ซึ่งเจ้าของที่ดินมิได้ปิดกั้นหรือหวงห้ามในการใช้ถนนดังกล่าว เมื่อ อบต.แม่ปะจึงได้ก่อสร้างถนนพร้อมทั้งเทถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเข้าไปในที่ดินของเอกชนดังกล่าวด้วย เมื่อเทถนนคอนกรีตแล้วเสร็จ เจ้าของที่ดินได้นำวัสดุมาปิดกั้นและปิดประกาศว่า “ที่ดินส่วนบุคคลห้ามบุกรุก” ทำให้ประชาชนนพื้นที่ที่เคยใช้ถนนอยู่เป็นประจำ ไม่สามารถใช้ถนนดังกล่าวสัญจรได้ สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรเป็นอย่างมาก

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ขอให้พิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดตาก ดำเนินการสร้างถนนคอนกรีตเข้าไปในบ้านของเอกชน และทำให้ประชาชนไม่อาจใช้ประโยชน์จากถนนดังกล่าวได้ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

ผู้ตรวจการแผ่นดิน (นายบูรณ์ ฐาปนดุล) ได้มอบหมายให้สำนักสอบสวน 3 ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ประกอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนนี้แล้วเห็นว่า  ถนนตามคำร้องเรียน เดิมอยู่ในที่ดินของเอกชน แต่ประชาชนได้ใช้ถนนสัญจรมาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี โดยเจ้าของที่ดินมิได้ปิดกั้นหรือหวงห้าม ถนนที่อยู่บนที่ดินเอกชนจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามมาตรา 1304 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว เมื่อถนนมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะจึงทำแผนโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีต ตามความต้องการของประชาชนในชุมชน และก่อนการก่อสร้าง และระหว่างการดำเนินการก่อสร้างถนน ไม่มีผู้ใดคัดค้านใด

การที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะดำเนินการก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวโดยอาศัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประชาชนได้ใช้ถนนสัญจรมาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปี โดยเจ้าของที่ดินมิได้ปิดกั้นหรือหวงห้าม ที่ดินจึงตกเป็นทางสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยปริยาย ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวมา จึงทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตได้ หากแต่ภายหลังมีบุคคลมาปิดกั้นถนนมิให้ประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งภายหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะเพื่อให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ

ต่อมา องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งได้ดำเนินการตามหน้าที่โดยมีหนังสือแจ้งให้ผู้ปิดกั้นถนนทำการรื้อถอนรั้วและกองวัสดุออกไปจากถนนและที่สาธารณะภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ ภายหลังจากผู้ปิดกั้นถนนได้รับหนังสือได้รื้อถอนรั้วและกองวัสดุออกไปจากถนนและที่สาธารณะแล้ว ทำให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมแล้ว

ทั้งนี้  ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามรูปถ่ายประกอบการร้องเรียนและคำชี้แจงว่า ถนน ที่ถูกปิดดังกล่าว มีวัชพืชขึ้นปกคลุมถนนและมีวัสดุกั้นพื้นที่จำนวนหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่ของถนน อันเป็นการ บ่งบอกได้ว่า ถนนดังกล่าวขาดการดูแลจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรเป็นประจำ ทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน ดังนั้น เห็นควรเสนอแนะให้องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งในฐานะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ถนนดังกล่าว ต้องตรวจสอบพื้นที่ในเขตความรับผิดชอบอยู่เสมอๆ และเมื่อพบเหตุผิดปกติขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนของกฎหมายโดยเร็ว โดยไม่ต้องให้เกิดเรื่องร้องเรียนเสียก่อน ซึ่งเป็นไปตามหลักความรับผิดชอบหนึ่งในองค์ประกอบของหลัก ธรรมาภิบาล (Good Governance) เพื่อให้สังคมมีความสุขต่อไป