สส.3 ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริง ณ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตพระโขนง

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 นางนวรัตน์ สถาพรนานนท์ ผู้อำนวยการส่วนสอบสวน 2 สำนักสอบสวน 3 และคณะ ได้ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงและประชุมหารือเรื่องร้องเรียนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีมีผู้ร้องเรียนว่า สำนักงานเขตแห่งหนึ่งไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่สร้างบ้านเรือนและวางสิ่งของรุกล้ำถนนสาธารณประโยชน์ บริเวณซอยแม้นศรี 2 ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของสภากาชาดไทยและพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังคงมีอุปสรรคในเรื่องความชัดเจนของแนวเขต และการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนมากกว่า 58 ครัวเรือน จึงต้องใช้ระยะเวลาและความระมัดระวังในการดำเนินการอย่างถี่ถ้วน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขอรังวัดตรวจสอบที่สาธารณประโยชน์ หากผลเป็นประการใด สำนักงานเขตดังกล่าวจะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป สำหรับกรณีมีผู้วางสิ่งของรุกล้ำถนนสาธารณประโยชน์ นั้น สำนักงานเขตดังกล่าวโดยฝ่ายเทศกิจจะเร่งรัดดำเนินการในระยะเร่งด่วนโดยการรื้อสิ่งของที่วางกีดขวางทางสัญจรเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ถนนได้อย่างสะดวก ทั้งนี้ สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายจะรายงานผลการดำเนินการมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยต่อไป
………………………..
​​จากนั้นในช่วงบ่ายคณะได้ลงพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องเรียนว่า สำนักงานเขตพระโขนงได้มีประกาศ เรื่อง การดำเนินการกรณีป้อมยามพร้อมไม้ปิดกั้นรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 กำหนดให้มีการรื้อถอน ป้อมยามพร้อมไม้ปิดกั้นของหมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณปากซอยวชิรธรรมสาธิต 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าวได้ทำประชาคมร่วมกันที่ไม่ให้รื้อถอนป้อมยามพร้อมไม้กั้นผู้ร้องเรียนจึงเกรงว่า หากยกเลิกหรือรื้อถอนไปแล้วอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยของคนในชุมชน โดยได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตดังกล่าวในเบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลที่มาและของขั้นตอนการดำเนินการตามประกาศดังกล่าวเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป