พายุโนอึลทำพิษ ประชาชนเดือดร้อนจากถนนที่ชำรุดเสียหายบริเวณซอยหนองกันเกรา

พายุโนอึลทำพิษ ประชาชนเดือดร้อนจากถนนที่ชำรุดเสียหายบริเวณซอยหนองกันเกรา จังหวัดชัยภูมิ

ในช่วงเดือนกันยายน 2563 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนโนอึลส่งผลให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่และมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้  รวมทั้งยังพบว่ามีถนนหลายสายได้รับความเสียหายจากการทรุดตัวของหน้าดินทำให้ถนนเป็นหลุม เป็นบ่อ ส่งผลให้การดำรงชีวิตของประชาชนเกิดความเดือดร้อนในการใช้ถนนสัญจร และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ในที่สุด

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนในพื้นที่ซอยหนองกันเกรา ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ จากได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของพายุโซนร้อนโนอึลที่ทำให้ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ส่งผลให้ถนนในพื้นที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ และมีน้ำท่วมขังทำให้ถนนลื่น ตลอดจนพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังเต็มไปด้วยต้นไม้และหญ้าข้างทางที่รกรุงรัง เป็นเหตุทำให้ประชาชนผู้ที่สัญจรไปมาในได้รับความเดือดร้อน  โดยประชาชนในพื้นที่ได้ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการแก้ไขซ่อมแซมถนน

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สอบสวนลงพื้นที่ประชุมหารือและตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนลูกรังรอบสระน้ำหนองกันเกรา บ้านลำปอแดง หมู่ที่ 13 ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ มีระยะทางประมาณ 2,500 เมตร ซึ่งสาเหตุที่ถนนลูกรังดังกล่าวชำรุดเสียหายเนื่องมาจากในระหว่างเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกิดพายุโซนร้อนโนอึลทำให้ฝนตกหนักติดกันเป็นเวลาหลายวัน และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า ถนนสายดังกล่าวมีการชำรุดเสียหายเพียงเล็กน้อยและยังสามารถเดินสัญจรไปมาได้ ทางองค์กรปรกครองท้องถิ่นที่รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าวจึงได้เสนอให้มีการซ่อมแซมบำรุงรักษาถนนที่ชำรุดให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ โดยได้ดำเนินการแก้ไขเบื้องต้นในการลงลูกรังถมในบริเวณ ที่ชำรุดเสียหายบางส่วน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน พร้อมทั้งได้รายงานให้   ทราบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าวมีแผนที่จะดำเนินโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยรอบสระหนองกันเกรา พร้อมทางข้างถนนด้วย ซึ่งการก่อสร้างดังกล่าวปรากฏอยู่ในแผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2561 – 2565) แล้ว แต่ยังมีในส่วนโครงการที่เกินศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีงบประมาณ 2,000,000 บาท ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อมา สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้โทรศัพท์ประสานงานไปยังผู้ร้องเรียนสอบถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน ได้รับแจ้งว่า ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวได้นำหินลูกรังมาเทซ่อมแซมถนนที่ชำรุด และตัดต้นไม้บริเวณข้างทางเรียบร้อยแล้ว และผู้เร้องเรียนมีความพึงพอใจกับการแก้ปัญหาและผู้ร้องเรียนได้ทำหนังสือขอบคุณมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอีกด้วย