กรณีการกักตัวผู้ร้องเรียนภายหลังจากพ้นโทษ

กรณีการกักตัวผู้ร้องเรียนภายหลังจากพ้นโทษ และไม่ส่งตัวกลับประเทศที่มีถิ่นพำนักหรือผลักดันไปยังประเทศที่สาม และกรณีไม่คืนทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนให้แก่ผู้ร้องเรียน

ผู้ร้องเรียนได้ยื่นเรื่องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบสวนข้อเท็จจริงโดยตรงกับผู้ร้องเรียนโดยอ้างว่าไม่อาจส่งข้อเท็จจริงมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เป็นความลับกรณีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกักตัวผู้ร้องเรียนภายหลังจากพ้นโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและไม่ส่งตัวผู้ร้องเรียนกลับประเทศที่มีถิ่นพำนักหรือผลักดันไปยังประเทศที่สามและกรณีผู้ร้องเรียนฝากทรัพย์สินไว้ ให้เก็บรักษาไว้แทนผู้ร้องเรียน แต่เมื่อผู้ร้องเรียนขอทรัพย์สินดังกล่าวคืนกลับไม่คืนให้แก่ผู้ร้องเรียน

ผู้ร้องเรียนมีสัญชาติเวียดนาม เกิดในเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุก 8 ปี 2 เดือน ปัจจุบันเป็นผู้ลี้ภัย โดยได้รับการรับรองสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNHCR) ต้องโทษคดีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง และทำให้เกิดระเบิด ฯ หลังจากพ้นโทษเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมได้นำตัวผู้ร้องเรียนส่งไปกักกันที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งผู้ร้องเรียนถูกกักกันตลอดมาจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 11 ปี

ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน (นายสมศักดิ์  สุวรรณสุจริต) ได้เห็นชอบให้รับเรื่องร้องเรียนและได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ขอให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ต่อมา ภรรยาของผู้ร้องเรียนได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสำนวน และยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำร้องเรียนเพิ่มเติม ขอให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน  ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สอบสวนลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริง ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  กรุงเทพฯ

จากการลงพื้นที่ได้พบข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องเรียนได้ยื่นคำร้องถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแสดงความประสงค์จะเดินทางไปอยู่กับบุตรสาว และบุตรชายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และขอเอกสารรับรองถิ่นที่อยู่ปัจจุบันของผู้ร้องเรียนเพื่อไปยื่นต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศสหรัฐอเมริกา   โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มีหนังสือรับรองว่าผู้ร้องเรียนเป็นผู้ต้องกักในสถานกักตัวบุคคลต่างด้าว ต่อมาผู้ร้องเรียนได้สถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR)

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า การส่งตัวบุคคลต่างด้าวซึ่งเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตนั้นสิ้นสุด หรือเพิกถอนแล้วนั้น ออกไปนอกราชอาณาจักร เจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งในระหว่างรอการส่งตัวบุคคลต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร พนักงานเจ้าหน้าที่จะกักตัวบุคคลต่างด้าวผู้นั้นไว้ ณ ที่ใดหรือนานเท่าใดก็ได้ตามความจำเป็น โดยจะกักตัวบุคคลต่างด้าวดังกล่าวไว้จนกว่าจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร สำหรับกรณีของผู้ร้องเรียนหลังจากพ้นโทษถูกส่งตัวมายังสถานกักกันตัวบุคลต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเรียนมีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทาง อีกทั้งผู้ร้องเรียนไม่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แต่ประสงค์จะเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดยินยอมรับผู้ร้องเรียนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ เป็นเหตุให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถส่งตัวผู้ร้องเรียนไปยังประเทศที่สามได้

ทั้งนิ้ หากผู้ร้องเรียนประสงค์จะเดินทางกลับประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หรือหากมีประเทศใดพร้อมที่จะรับตัวผู้ร้องเรียนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผลักดันส่งตัวผู้ร้องเรียนกลับไปประเทศภูมิลำเนาหรือไปตั้งถิ่นฐานใหม่โดยทันที

ผู้ร้องเรียนได้แจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ได้ฝากทรัพย์สินไว้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประกอบด้วยเงินสด 203,600 บาท เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จำนวน 600 ดอลลาร์สหรัฐ สร้อยคอทองคำ 1 เส้น แหวนทองคำ 6 วง และทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งผู้ร้องเรียนมีความประสงค์จะรับทรัพย์สินดังกล่าวคืน เพื่อมอบให้กับภรรยาโดยพฤตินัยของผู้ร้องเรียน และนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ร้องเรียน

เจ้าหน้าที่สอบสวน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองซึ่งได้แจ้งว่า ผู้ร้องเรียนมิได้เขียนคำร้องขอเบิกเงินและทรัพย์สินที่ฝากไว้  เจ้าหน้าที่สอบสวนจึงได้ประสานขอให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่งมอบเงินและทรัพย์สินคืนแก่ภรรยาของผู้ร้องเรียน ตามความประสงค์ของ ผู้ร้องเรียนปัจจุบันภรรยาของผู้ร้องเรียนได้รับเงินและทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า กรณีผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกักตัวผู้ร้องเรียนภายหลังจากพ้นโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกา และไม่ส่งตัวผู้ร้องเรียนกลับประเทศที่มีถิ่นพำนักหรือผลักดันไปยังประเทศที่สามนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ร้องเรียนได้รับการรับรองสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNHCR) แต่ผู้ร้องเรียนไม่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดรับผู้ร้องเรียนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ เป็นเหตุให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถส่งตัวผู้ร้องเรียนกลับประเทศที่มีถิ่นพำนักหรือส่งตัวไปยังประเทศที่สามได้

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้องเรียน และผู้ร้องเรียนได้แจ้งความประสงค์ขอคืนทรัพย์สินที่ได้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ส่งมอบเงินและทรัพย์สินคืนแก่ผู้ร้องเรียนและภรรยาของผู้ร้องเรียนแล้ว และเป็นกรณีที่ผู้ร้องเรียนได้ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับฝากทรัพย์สินดังกล่าวไว้ พร้อมกันนี้  ผู้ร้องเรียนมีความประสงค์ยุติเรื่องร้องเรียน ดังนั้น กรณีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องเรียนได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนอย่างเหมาะสมแล้ว  สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้แจ้งผลการวินิจฉัยให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและผู้ร้องเรียนทราบต่อไป