กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการคืนรถยนต์ของกลางที่ได้ตรวจยึดไว้ในคดี ส่งผลให้รถยนต์ที่ถูกตรวจยึดอยู่ในสภาพชำรุด ทรุดโทรม ทำให้ผู้ร้องเรียนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

ผู้ร้องเรียนและครอบครัวประกอบธุรกิจรับขายฝากรถยนต์และขายรถยนต์มือสองในจังหวัดสงขลา โดยเมื่อเดือนเมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักอาศัยและอาคารโกดังของผู้ร้องเรียน และได้ยึดรถยนต์ที่ผู้ร้องเรียนรับจำนำไว้สำหรับประกอบธุรกิจ จำนวน 28 คัน

ระหว่างการดำเนินคดี ผู้ร้องเรียนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถยนต์ของกลางจอดทิ้งไว้กลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้รถยนต์ดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมและได้รับความเสียหาย ทั้งที่รถยนต์ดังกล่าวมิได้เป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นทรัพย์สินซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดแต่อย่างใด ผู้ร้องเรียนได้ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าวเพื่อนำมาเก็บรักษาเองจำนวนหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการคืนรถยนต์ของกลาง และไม่แจ้งผลการพิจารณาตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้แก่ผู้ร้องเรียนทราบแต่อย่างใด ทำให้ผู้ร้องเรียนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน จึงได้ร้องเรียนปัญหาดังกล่าวมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณา และได้แสวงหาข้อเท็จจริงพบว่า เมื่อเดือนเมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักอาศัยและอาคารโกดังของผู้ร้องเรียนและตรวจยึดรถยนต์ของกลางไว้จำนวน 28 คัน โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากล่าวหากับผู้ร้องเรียน จำนวน 3 ข้อหา ดังนี้

  1. ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินเรียกรับดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
  2. ประกอบกิจการโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้สรุปสำนวนและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดสงขลาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอำนาจในการสั่งคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าวจึงเป็นอำนาจของพนักงานอัยการ ตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยพบว่ารถยนต์ของกลางดังกล่าวอยู่ในการตรวจยึดของสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จำนวน 25 คัน เนื่องจากผู้ร้องเรียนได้ขอรับคืนไปแล้ว 2 คัน และเจ้าของรถยนต์ได้มาติดต่อขอรับคืนไปแล้วอีก 1 คัน

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาตามเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนลงพื้นที่ตรวจสอบรถยนต์ของกลางที่เก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจ สรุปได้ว่า  ผู้ร้องเรียนได้เคยยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางจำนวนหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ดำเนินการพิจารณาคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด จนกระทั่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ส่งสำสวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ผู้ร้องเรียนจึงได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมในคดีของผู้ร้องเรียน กรณีการจับกุม ตรวจค้น และการยึดรถยนต์ของกลางที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าพนักงานตำรวจต่อพนักงานอัยการจังหวัด ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาชี้แจงว่าหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าวของผู้ร้องเรียน มิใช่การร้องขอคืนของกลางตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแต่อย่างใด แต่เป็นกรณีการร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 จึงไม่สามารถพิจารณาคืนรถยนต์ของกลางตามคำร้องดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องเรียนได้

ที่ประชุมมีมติให้ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะให้ผู้ร้องเรียนดำเนินการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางต่ออัยการจังหวัดสงขลา เพื่อขอให้พิจารณาคืนรถยนต์ของกลางในคดี ตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ผู้ร้องเรียนได้มีหนังสือขอคืนรถยนต์ของกลางต่ออัยการจังหวัดสงขลา ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งคืนรถยนต์ของกลางในคดีแก่ผู้ร้องเรียน โดยได้แจ้งคำสั่งคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าวไปยังสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ และสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ได้ดำเนินการคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าวคืนให้แก่ผู้ร้องเรียน จำนวน 25 คัน เรียบร้อยแล้ว

อนึ่ง แม้ว่าสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่จะได้คืนรถยนต์ของกลางในคดีให้แก่ผู้ร้องเรียนเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักอาศัยและอาคารโกดังของผู้ร้องเรียนและได้ตรวจยึดรถยนต์ของกลางไว้ ผู้ร้องเรียนได้ยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ดังกล่าวต่อสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อมาเก็บรักษาดูแลเป็นจำนวนหลายครั้ง แต่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่กลับประวิงเวลา ในการพิจารณาคืนรถยนต์ของกลาง และไม่แจ้งผลการพิจารณาตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้แก่ผู้ร้องเรียนทราบแต่อย่างใด ส่งผลให้รถยนต์ของกลางอันเป็นทรัพย์ที่ถูกตรวจยึดดังกล่าวอยู่ในสภาพที่เสื่อมค่าและชำรุดทรุดโทรม ทำให้ผู้ร้องเรียนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อยุติในประเด็นที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างข้อเท็จจริงมาข้างต้น ตลอดจนให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องเรียนและครอบครัว  จึงเห็นควรที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีข้อเสนอแนะให้ตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่ผู้ร้องเรียนได้กล่าวอ้างว่าสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประวิงเวลาในการพิจารณาคืนรถยนต์ของกลาง และไม่แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องเรียนทราบ ตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาดังกล่าวข้างต้นตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ร้องเรียนทราบต่อไป