กรณี หน่วยงานรังวัดที่ดินผิด ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถูกกล่าวหาว่ารุกล้ำที่สาธารณประโยชน์ จ.ตรัง

ผู้ร้องเรียนอยู่ในพื้นที่อำเภอแห่งหนึ่งจังหวัดตรัง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นการรบกวนสิทธิการครอบครองที่ดินของผู้ร้องเรียน และทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความเข้าใจผิดว่าผู้ร้องเรียนบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ จนเป็นที่เกลียดชังของชาวบ้านในพื้นที่มานานกว่า 13 ปี

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริงได้ความว่า ในปี 2547 สำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาแห่งหนึ่ง ได้ทำการรังวัดสอบเขตที่สาธารณประโยชน์ตามบัญชีรายชื่อที่สาธารณประโยชน์ ตามแผนงานรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หน่วยรังวัดที่ 7 ลำดับที่ 93 ขุมเหมืองหมู่บ้าน หมู่ที่ 4  จังหวัดตรัง เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ โดยมีกำนันตำบลแห่งหนึ่ง ได้รับมอบอำนาจจากนายอำเภอแห่งหนึ่งมาเป็นผู้นำ ทำการรังวัดสอบเขตที่สาธารณประโยชน์ในท้องที่ตำบลแห่งหนึ่งที่ขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งในการทำการรังวัดในปี 2547 ที่ผ่านมานั้น นายช่างรังวัดได้นำเอกสารให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ลงชื่อในฐานะเจ้าของพื้นที่ด้วย  โดยผู้ใหญ่บ้านได้สังเกตว่ารูปแผนที่ไม่เหมือนหนองน้ำที่มีอยู่และอาจรวมเอาที่ดินและสวนปาล์มของผู้ร้องเรียนติดไปด้วย จึงแนะนำให้ผู้ร้องเรียนไปติดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาแห่งหนึ่ง เพื่อคัดค้านการรังวัดและร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม

ในปี 2557 จังหวัดตรังได้มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) เลขที่ ตง 0911 ที่ดินเลขที่ 201 ระวาง 4924 IV แผ่นที่ 176 โดยใช้เอกสารหลักฐานการรังวัดของนายช่างวัด ในปี 2547 และมีการบันทึกถ้อยคำของผู้ใหญ่บ้านและกำนัน เพิ่มเติม เมื่อผู้ร้องเรียนทราบจึงไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาแห่งหนึ่ง เพื่อยื่นคำคัดค้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่แสดงความไม่พอใจและกล่าวหาว่า ผู้ร้องเรียนอยากได้ที่หลวง

ในปี พ.ศ. 2560 องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งได้ยื่นขอรังวัดสอบเขต น.ส.ล. แปลงดังกล่าวต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง สาขาแห่งหนึ่งเพื่อตรวจสอบจำนวนเนื้อที่และตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์  โดยนำรังวัดบริเวณหนองน้ำสาธารณประโยชน์ในท้องที่หมู่ที่ 1 ตามที่ระบุไว้ใน น.ส.ล. ซึ่งอยู่ติดกับโฉนดที่ดินของผู้ร้องเรียน เป็นเหตุให้ผู้ร้องเรียนคัดค้านการรังวัดสอบเขต เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นการรุกล้ำที่ดินของผู้ร้องเรียน

ผู้ตรวจการแผ่นินได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สอบสวนลงพื้นที่ และให้นายช่างรังวัด ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในอำเภออีกครั้ง หลังจากที่มีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และพบว่าที่สาธารณประโยชน์ที่เคยรังวัดสอบเขตไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2547 ตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ที่ 4  (มิใช่หมู่ที่ 1 ตามที่ระบุไว้ใน น.ส.ล.) จึงได้แก้ไขที่หมายในระวางรูปถ่ายทางอากาศหมายเลข 4924 IV แผ่นที่ 176 ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยมูลเหตุที่รังวัดคลาดเคลื่อนนั้น เกิดจากที่นายช่างรังวัดได้คัดลอกระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศไปประกอบการรังวัด และทำการรังวัดโดยวิธีแผนที่ชั้นสองโดยวงรอบศูนย์ลอยบรรจบตัวเอง คำนวณเนื้อที่ด้วยค่าพิกัดฉากโดยวิธีคณิตศาสตร์ ได้เนื้อที่ 11-0-21 ไร่ ซึ่งมีเนื้อที่มากกว่าหลักฐานเดิม 6-0-21 ไร่ โดยระบุว่าที่สาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ที่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 1 จังหวัดตรัง ทั้งที่พื้นที่จริงอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 จังหวัดตรัง

ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยอด ได้นำรังวัดสอบเขต น.ส.ล. แปลงดังกล่าว บริเวณหนองน้ำสาธารณประโยชน์ในท้องที่หมู่ที่ 4 ตำบลแห่งหนึ่ง จึงไม่ปรากฏว่าที่ดิน น.ส.ล. ดังกล่าวมีเขตทับซ้อนหรือติดกับโฉนดที่ดิน ของผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นคนละหมู่ ซึ่งเมื่อผู้ร้องเรียนได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว จึงไม่คัดค้านการรังวัดสอบเขต น.ส.ล. แปลงดังกล่าว อีกต่อไป

ในการนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวอีก ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีข้อเสนอแนะให้จังหวัดตรังดำเนินการแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ ตง 0911 ที่ดินเลขที่ 201 ระวาง 4924 IV แผ่นที่ 176 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 โดยแก้ไขที่ตั้งของที่สาธารณประโยชน์จากบ้านแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 1 เป็น บ้านในเหยา หมู่ที่ 1 เพื่อให้ถูกต้องตรงตามบัญชีรายชื่อทีสาธารณประโยชน์ ตามแผนงานรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หน่วยรังวัดที่ 7 ลำดับที่ 93 ขุมเหมืองหมู่บ้าน หมู่ที่ 4  จังหวัดตรัง