ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้ตั้งวัดทุ่งนาเพียงในเขตพื้นที่ป่า

ผู้ร้องเรียนเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่แห่งหนึ่ง ตำบลแห่งหนึ่ง อำเภอเแห่งหนึ่งของ จังหวัดอุบลราชธานี (ที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ นส. 3 ก) ต่อมาได้มีราษฎรยื่นเรื่องต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาในพื้นที่ เพื่อขออนุญาตให้มีการตั้งวัดแห่งหนึ่ง เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ณ บริเวณตำบลแห่งหนึ่งของ จังหวัดอุบลราชธานี โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาในพื้นที่ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ เพื่อขออนุญาตให้มีการตั้งวัดแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่บริเวณดังกล่าวผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างว่า หากมีการอนุญาตให้ตั้งวัดในพื้นที่ดังกล่าว อาจผนวกรวมเอาที่ดิน ในส่วนที่  ผู้ร้องเรียนครอบครองและทำกินเข้าไปอยู่ในเขตของวัดด้วย ผู้ร้องเรียนจึงมีความประสงค์ขอให้ทางราชการทบทวนการขออนุญาตให้มีการตั้งวัดในบริเวณดังกล่าว

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่พร้อมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบสถานที่ ซึ่งเป็นที่ดินบริเวณที่ผู้ร้องเรียนครอบครองทำประโยชน์และทำกินในพื้นที่และบริเวณที่ตั้งวัดทุ่งนาเพียง ตลอดจนผู้ร้องเรียนและคณะได้เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและสำรวจรังวัดแนวเขตพื้นที่พิพาทเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการตามเรื่องร้องเรียนด้วย จากการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับผู้ร้องเรียน ที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันว่าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ตลอดจนผู้ร้องเรียนและคณะพร้อมด้วยราษฎรในพื้นที่พิพาท จะร่วมกันทำการสำรวจแนวเขตพื้นที่ที่ขออนุญาตสร้าง/ตั้งวัดทุ่งนาเพียง จากการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ร้องเรียนและคณะได้นำชี้แนวเขตสำนักสงฆ์ทุ่งนาเพียง (ซึ่งจะยกฐานะขึ้นเป็นวัดทุ่งนาเพียง) ร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทั้งนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานีจะได้นำรูปแผนที่ตามแนวเขตที่ดินที่มีการนำชี้และรังวัดสอบแนวเขตร่วมกัน  อันเป็นที่ยุติ และยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นำไปประกอบการขออนุญาตใช้พื้นที่จัดตั้งวัดทุ่งนาเพียง เมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ตามคำขออนุญาตเดิมต่อไป