กรณีการแก้ไขปัญหาให้ผู้ร้องเรียนได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

เนื่องมาจากมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ในการประกาศให้จังหวัดต่าง ๆ ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงหยุดการประกอบกิจการ ปิดสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งก็มีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในประกาศดังกล่าวด้วย

            ผู้ร้องเรียน มีอายุ ๖๘ ปี ประกอบอาชีพรับจ้างนวดแผนไทย เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้ร้องเรียนไม่สามารถประกอบอาชีพและขาดรายได้ ผู้ร้องเรียนได้รับเพียงเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท ประกอบกับผู้ร้องเรียนไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับประโยชน์ทดแทนและเงินเยียวยาจากรัฐบาลตามมาตรา 40 ของพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้ เนื่องจากอายุเกิน 65 ปี   ทั้งนี้ ผู้ร้องเรียนได้ส่งหนังสือไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับความช่วยเหลือ  แต่ก็ยังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาจากหน้าที่และอำนาจของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้วพบว่า ไม่มีหน้าที่และอำนาจในการให้ความช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยตรง ประกอบกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือชี้แจ้งว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปยังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนของรัฐบาลให้ดำเนินการช่วยเหลือ ซึ่งสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานประกันสังคมเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร้องเรียน

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาจากคุณสมบัติและประเด็นร้องเรียนแล้วพบว่า ผู้ร้องเรียนมีคุณสมบัติไม่ได้เข้าเงื่อนไขการได้รับสิทธิจากประกันสังคม เพื่อที่จะลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 40 เนื่องจากผู้ร้องเรียนมีอายุเกิน 65 ปี ทำให้ไม่สามารถรับเงินภายใต้โครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่จะได้รับเงิน 5,000 บาท เพื่อเป็นการเยียวยาจากรัฐบาล

            สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ศึกษากฎหมาย กฎ ระเบียบ ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้ ซึ่งพบว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีประกาศกระทรวงฯ เรื่อง การคุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบความเดือดร้อน โดยจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้กับผู้สูงอายุ วงเงินครั้งละสามพันบาท ไม่เกินสามครั้งต่อคนต่อปี ซึ่งประกาศนี้ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา

            สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เร่งช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแก่ผู้ร้องเรียน ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ อำเภอวังน้อย องค์การบริหารส่วนตำบลสนับทึบ ผู้นำท้องที่  โดยในขั้นแรกได้รมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสม จำนวน ๓,๐๐๐ บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร้องเรียน พร้อมทั้งให้คำปรึกษา แนะนำการดูแลตนเองของผู้สูงอายุ และแนะนำการปรับเปลี่ยนแนวทางการประกอบอาชีพตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และชี้แจงหลักเกณฑ์เงื่อนไขการขอรับเงินทดแทนจากรัฐบาลของบุคคลที่มีอายุเกิน 65 ปี ตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533

            สำหรับการให้ความช่วยเหลือระยะยาว ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ กรมกิจการผู้สูงอายุ มอบเงินช่วยเหลือ ตามข้อ 12 ของประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การคุ้มครอง การส่งเสริม และสนับสนุน การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ประสบความเดือดร้อน พ.ศ. 2563 และสำนักงาน    จัดหางานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้บริการรับคำร้องจัดหางานให้แก่ผู้ร้องเรียนเพื่อเป็นทางเลือกการทำงานในขณะที่ไม่มีผู้รับบริการนวดแผนไทย

            เรื่องร้องเรียนดังกล่าว ถึงแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐได้กระทำถูกต้องตามกฎหมาย หากประชาชนยังได้รับความเดือดร้อน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะหาหนทางเยียวยาแก้ไขให้บรรเทาทุกข์แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือร้อน โดยครั้งนี้ได้รับการบูรณาการความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ สามารถร่วมกันหาทางแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนชนได้  ผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกหนึ่งที่พึ่งของประชาชน.