กรณี ประชาชนเดือดร้อนจากการไม่ขยายเขตไฟฟ้าบริเวณถนนระหว่างบ้านโนนดู่และบ้านหนองแวง จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้

กรณี ประชาชนเดือดร้อนจากการไม่ขยายเขตไฟฟ้าบริเวณถนนระหว่างบ้านโนนดู่และบ้านหนองแวง จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้

ไฟฟ้าเป็นระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแต่ในระดับจุลภาค เช่น บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หากแต่ยังรวมไปถึงระดับมหภาคทางด้านอุตสาหกรรม และวงการแพทย์อีกด้วย เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าเป็นการดำเนินงานที่มีการลงทุนสูง รัฐบาลจึงเป็นผู้ผูกขาดทั้งด้านการผลิต การส่งและการจำหน่าย ซึ่งในปัจจุบันการขยายตัวของชุมชนเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่การผลิตไฟฟ้าต้องตอบสนองและเพียงพอ กว้างขวาง เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเสมอภาค แต่อย่างไรก็ตามในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจากรัฐ

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งผู้ร้องเรียนได้กล่าวอ้างว่า ได้ร้องเรียนไปในหลายหน่วยงาน ได้แก่
1.  องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง แต่ได้รับแจ้งว่า ทางหน่วยงานยังไม่มีงบประมาณในการขยายเขตไฟฟ้า ซึ่งมีระยะเวลาล่วงเลยมา 4 ปีแล้ว ยังไม่มีการดำเนินการให้กับผู้ร้องเรียน
2.  ศูนย์ดำรงธรรม และได้รับคำแนะนำให้ไปติดต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโนนคูณ เมื่อผู้ร้องเรียนติดต่อไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโนนคูณ ได้รับแจ้งว่าไม่มีงบประมาณในการดำเนินการขยายเขตไฟฟ้า ผู้ร้องเรียนจึงร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว โดยขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการไฟฟ้าไม่ดำเนินการขยายเขตไฟฟ้าบริเวณถนนบ้านโนนดู่และบ้านหนองแวง ตำบลหนองกุง อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนจำนวน 11 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาคำร้องทุกข์จากประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง สรุปได้ว่า
1.  องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังไม่เคยได้รับการแจ้งเรื่องดังกล่าวจากผู้ร้องเรียน แต่ผู้ร้องเรียนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมได้ขอความร่วมมือองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งให้ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหา จากการตรวจสอบแล้วพบว่า บริเวณดังกล่าวอยู่หมู่ที่ 9 บ้านโนนดู่ เป็นพื้นที่เกษตร (ที่นา) ไม่ปรากฏเป็นแหล่งชุมชน และบ้านของประชาชนในพื้นที่มีระยะค่อนข้างห่างกัน  ไม่มีหลักฐานหรือเอกสารในการจัดตั้งบ้าน สภาพภูมิศาสตร์เป็นเส้นทางสำหรับใช้ในทางเกษตรกรรม ประกอบกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่มีงบประมาณเพียงพอในการขยายเขตไฟฟ้า แม้ว่าจะมีโครงการตามแผนพัฒนาท้องถิ่น 4 ปี แต่การใช้จ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตามพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนและมีความจำเป็นตามลำดับ
2.  องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจให้ผู้ร้องเรียนและประชาชนในพื้นที่ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ให้ทราบถึงขั้นตอนการขยายเขตไฟฟ้าและการใช้งบประมาณในการดำเนินการ รวมถึงขั้นตอนการยื่นเอกสารการขอมีเลขที่บ้าน ขั้นตอนการยื่นคำขอขยายเขตไฟฟ้า โดยผู้ร้องเรียนได้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าว และเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ในการยื่นคำร้องขอขยายเขตไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโนนคูณแล้ว
3.  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการสำรวจบ้านเรือนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้บริเวณเส้นทางบ้านโนนดู่ หมู่ที่ 9 เชื่อมเส้นทางบ้านหนองแวง หมู่ที่ 5 ตำบลแห่งหนึ่ง งหวัดศรีสะเกษ พบว่าบ้านเรือนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ทั้งหมด 32 ครัวเรือน จึงได้พิจารณาออกแบบและประมาณการขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมดำเนินการและรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาจัดเข้าโครงการขยายเขตไฟฟ้าพัฒนาการ โดยใช้งบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,270,194 บาท เพื่อขอพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และปัจจุบันการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดอุบลราชธานี ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณตามคำขอให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโนนคูณเพื่อดำเนินการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้แจ้งผลการวินิจฉัยให้กับผู้ร้องเรียน จังหวัดศรีสะเกษ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอโนนคูณ ได้ทราบ ในกรณีที่หน่วยงานรัฐได้บูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร้องเรียนได้อย่างเหมาะสมแล้ว