ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะการบริหารจัดการวัคซีนสนับสนุนทุกภาคส่วนร่วมกันจัดหาวัคซีน

ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแนะการบริหารจัดการวัคซีนสนับสนุนทุกภาคส่วนร่วมกันจัดหาวัคซีน พร้อมเร่งฉีดวัคซีนเชิงรุก

ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้หยิบยก กรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นที่เตรียมจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ได้รับทราบ และเข้าใจตรงกันว่า ในระยะแรกหน่วยงานภาครัฐเท่านั้นที่จะดำเนินการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน และกระจายวัคซีนตามแผนการบริหารจัดการวัคซีน เนื่องจากเป็นช่วงที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด ซึ่งรัฐได้วางแผนการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้รับวัคซีน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยกับผู้ได้รับวัคซีนอย่างสูงสุด จึงยังไม่สามารถให้ภาคเอกชน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนกับผู้ผลิตวัคซีนได้โดยตรง

แต่ในช่วงกลางปี 2564 ได้เกิดมีการระบาดระลอกใหม่ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมาก จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกระจายและฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค จึงถือได้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันได้พ้นระยะแรกตามคำวินิจฉัยเดิม อย่างไรก็ดี ยังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องและทั่วถึง เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน การจัดหาและการกระจายวัคซีน ความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือ และสถานที่ให้บริการวัคซีน กรอบระยะเวลาการดำเนินการให้วัคซีน การเปิดจองสิทธิ ตลอดจนการจัดลำดับกลุ่มเป้าหมายในการเข้ารับวัคซีน ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการของรัฐในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามมา

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กรมควบคุมโรค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ พร้อมติดตามความคืบหน้า และมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐบริหารจัดการวัคซีนดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและทั่วถึงยิ่งขึ้น

ซึ่งจากผลการประชุมหารือ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีข้อเสนอแนะกรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ดังนี้

  1. รัฐโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพให้ครอบคลุม ทั่วถึง และทันเวลาต่อการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประชาชนและกลุ่มเสี่ยง เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน
  2. เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายเป็นวงกว้าง โดยประชาชนควรต้องได้รับวัคซีนอย่างเร่งด่วน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จึงควรเร่งกำหนดมาตรการและแนวทางในการให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาและกระจายวัคซีนทางเลือกในการป้องกันโรคโควิด-19
  3. รัฐโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่ก่อให้เกิดความสับสนในการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงกำหนดและเร่งประชาสัมพันธ์มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลข้างเคียงหรือมีอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ว่ามีหลักเกณฑ์และแนวทางในการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างไร อันเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
  4. นอกจากบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าและประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เสี่ยงแล้ว รัฐควรสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเชิงรุกให้แก่กลุ่มคนซึ่งขาดศักยภาพที่จะเข้าถึงบริการหรือข่าวสารของภาครัฐ ในเรื่องการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เช่น กลุ่มคนที่มีความจำเพาะด้านสุขภาพ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ กลุ่มคนด้อยโอกาสทางสังคม เช่น คนยากจน บุคคลเร่ร่อน หรือผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ฯลฯ โดยจัดให้มีบริการเข้าไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังสถานที่ที่กลุ่มคนเหล่านั้นอยู่อาศัยอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างแท้จริงรัฐควรเร่งกำหนดมาตรการและแนวทางในการให้ ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ชัดเจน พร้อมประชาสัมพันธ์มาตรการเยียวยาอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเข้ารับการฉีดวัคซีน รวมถึงการเน้นฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เชิงรุกแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และมีความจำเพาะด้านสุขภาพ ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม