สตท. ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริง กรณีหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ เลือกปฏิบัติ และมิได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามสมควรเกี่ยวกับการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำในห้องแยกพิเศษที่มีความสะดวกสบายและเข้าพักรักษาตัวนานเกินกว่าระยะเวลาจำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ นายอธิ อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบหน้าที่ของรัฐ 2 และคณะเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบหน้าที่ของรัฐ ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงและร่วมประชุมร่วมหารือกับหัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ เลือกปฏิบัติ และมิได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามสมควรเกี่ยวกับการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำในห้องแยกพิเศษที่มีความสะดวกสบายและเข้าพักรักษาตัวนานเกินกว่าระยะเวลาจำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด ละเว้นการตัดผมสั้นหรือโกนผม ซึ่งผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์ผู้รักษาที่เรือนจำ และโรงพยาบาลตำรวจนั้น เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การส่งตัวและรับตัวนายทักษิณไว้รักษาตัวในห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาลตำรวจ อยู่ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลฯ สำหรับเรื่องการจัดสถานที่พักรักษาตัวและการรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลตำรวจนั้น กรมราชทัณฑ์ได้จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแล โดยพิจารณาจากความเหมาะสมและคำนึงถึงการรักษาปลอดภัย การควบคุมและป้องกันผู้ต้องขังหลบหนี ลักษณะอาการของโรค ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้บันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าว และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับการประสานจากกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลจะทำหน้าที่ในการดูแลรักษาพยาบาลและเคารพสิทธิผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยทุกรายเท่าเทียมกันตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ส่วนประเด็นเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและผลการวินิจฉัยโรคนั้น เนื่องจากข้อมูลด้านสุขภาพถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ป่วยมิได้อนุญาตให้เปิดเผย โรงพยาบาลตำรวจจึงสามารถชี้แจงให้ข้อมูลได้เพียงเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
หลังจากนั้น คณะเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกัน ณ สถานที่พักรักษาตัว อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร